คาร์ริคทำการทดลองทางคลินิกเฟส 2 ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายชนิดHR+, HER2- ที่มีอาการดื้อยายับยั้ง CDK4/6
คาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์ (Carrick Therapeutics) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นด้านวิทยามะเร็ง ซึ่งเป็นผู้ค้นคว้าและพัฒนาวิธีการรักษาที่มีความแตกต่างอย่างมาก และเมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) ("เมนารินี") บริษัทเภสัชภัณฑ์เอกชนชั้นนำระดับนานาชาติ ได้ประกาศความร่วมมือในการทดลองทางคลินิกและข้อตกลงในการจัดหา
ข้อตกลงนี้ครอบคลุมการดำเนินการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 เพื่อประเมินสูตรผสมใหม่ของยาซามูราซิคลิบ (samuraciclibหรือ CT7001) ของคาร์ริค ซึ่งเป็นตัวยับยั้ง CDK7 แบบรับประทาน และยาอีลาเซสแทรนท์ (elacestrant) ซึ่งเป็นยากลุ่ม selective estrogen receptor degrader (SERD) ของเมนารินีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายชนิด HR+, HER2- ที่มีอาการดื้อยายับยั้ง CDK4/6 (CDK4/6i) โดยเมนารินีและคาร์ริคจะร่วมกันสนับสนุนการทดลองทางคลินิกนี้
"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ริเริ่มความร่วมมือกับเมนารินี เพื่อสำรวจศักยภาพของซามูราซิคลิบในการผสมกับยาอีลาเซสแทรนท์สำหรับการรักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลาม"ทิม เพียร์สัน (Tim Pearson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์ กล่าว "การทำงานระยะก่อนคลินิกและการศึกษาทางคลินิกก่อนหน้านี้ของเราได้ตรวจสอบความถูกต้องทางชีววิทยาสำหรับการผสม SERD กับ CDK7 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานร่วมกัน เมื่อผสมซามูราซิคลิบกับยาอีลาเซสแทรนท์ ซึ่งเป็น SERD แบบรับประทานของเมนารินี ความร่วมมือนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันในการเพิ่มศักยภาพของการรักษาแบบผสมผสาน เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม"
"ความร่วมมือทางคลินิกครั้งใหม่กับคาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์ เป็นอีกก้าวหนึ่งที่เรากำลังดำเนินการเพื่อพัฒนายาอีลาเซสแทรนท์ในรูปแบบที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายชนิด HR+, HER2- ที่ดื้อต่อการรักษาด้วย CDK4/6" เอลซิน บาร์เคอร์ เออร์กัน (Elcin Barker Ergun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมนารินี กรุ๊ป กล่าว "เมนารินีจะยังคงติดตามความร่วมมือด้านการวิจัยที่มีศักยภาพในการยกระดับชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมต่อไป"
คาร์ริคคาดว่าจะเริ่มต้นการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ในปี 2566 การศึกษาครั้งใหม่นี้จะขยายผลงานการทดลองยาซามูราซิคลิบของคาร์ริคในทางคลินิกต่อไป โดยบริษัทได้นำเสนอผลการศึกษาทางคลินิกที่น่าพอใจ จากการผสมผสานยาซามูราซิคลิบกับยาฟูลเวสแทรนท์ (fulvestrant) ในการประชุมวิชาการเรื่องมะเร็งเต้านมที่ซานอันโตนิโอปี 2564
เกี่ยวกับเมนารินี กรุ๊ป
เมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) คือบริษัทยาและการวินิจฉัยชั้นนำระดับโลกซึ่งมียอดขายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ และมีพนักงานกว่า 17,000 คน เมนารินีมุ่งเน้นด้านการรักษาโรคที่จำเป็นแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ด้วยชุดผลิตภัณฑ์สำหรับการรักษาโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคปอด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน การอักเสบ และยาแก้ปวด ด้วยฐานการผลิต 18 แห่งพร้อมศูนย์วิจัยและพัฒนาอีก 9 แห่ง ผลิตภัณฑ์ของเมนารินีจึงมีวางจำหน่ายใน 140 ประเทศทั่วโลก รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.menarini.com
เกี่ยวกับยาอีลาเซสแทรนท์ (RAD1901) และโครงการศึกษาทดลอง EMERALD ระยะที่ 3
อีลาเซสแทรนท์คือยากลุ่ม Selective Estrogen Receptor Degrader (SERD) ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัย โดยในปี 2561 อีลาเซสแทรนท์ได้รับสถานะ Fast Track จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) การศึกษาวิจัยก่อนโครงการ EMERALD ชี้ว่าสารประกอบดังกล่าวนี้มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม โดยสามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ การทดลอง EMERALD ระยะที่ 3 เป็นการทดลองแบบสุ่ม ไม่ปกปิดข้อมูล และมีกลุ่มควบคุม เพื่อประเมินประสิทธิภาพของยาอีลาเซสแทรนท์ ในฐานะยาทางเลือกลำดับสองหรือสามในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจายชนิด ER+/HER2- การทดลองนี้มีผู้ป่วยเข้าร่วม 478 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษาด้วยยาฮอร์โมนหนึ่งหรือสองตัว ซึ่งรวมถึงยากลุ่ม cyclin-dependent kinase (CDK) 4/6 inhibitor ผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองถูกสุ่มให้รับยาอีลาเซสแทรนท์ หรือยาฮอร์โมนตัวอื่นที่ผู้วิจัยเลือกไว้ ทั้งนี้ ผลลัพธ์หลักของการทดลองคืออัตราการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) ในผู้ป่วยทั้งหมดและในผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีน ESR1 ส่วนผลลัพธ์รองคืออัตราการรอดชีวิตโดยรวม (OS) อัตราการตอบสนองต่อการรักษา (ORR) และระยะเวลาการตอบสนอง (DOR) และความปลอดภัย
เกี่ยวกับซามูราซิคลิบ(CT7001)
ซามูราซิคลิบ (Samuraciclib) เป็นตัวยับยั้ง CDK7 ที่ล้ำหน้าที่สุดในการพัฒนาทางคลินิก การยับยั้ง CDK7 เป็นกลยุทธ์การรักษาที่มีศักยภาพในโรคมะเร็ง เนื่องจาก CDK7 ควบคุมการลอกรหัสของยีนที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ส่งเสริมการลุกลามของวัฏจักรเซลล์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการต่อต้านการรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมน ซามูราซิคลิบได้แสดงให้เห็นความปลอดภัยที่น่าพอใจและส่งเสริมประสิทธิภาพในการศึกษาทางคลินิกระยะแรก นอกเหนือจากการศึกษาข้างต้นแล้ว ปัจจุบัน ซามูราซิคลิบกำลังได้รับการประเมินในมะเร็งต่อมลูกหมากและมีศักยภาพเพิ่มเติมในมะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซามูราซิคลิบได้รับสถานะ Fast Track จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อใช้ร่วมกับยาฟูลเวสแทรนท์สำหรับการรักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามชนิด HR+, HER2- ที่มีอาการดื้อยา CDK4/6i ประกอบกัน คาร์ริคยังร่วมมือกับโรช (Roche) เพื่อประเมินการผสมผสานใหม่ของซามูราซิคลิบ และ SERD giredestrant ชนิดรับประทานของโรชในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายชนิด HR+, HER2- ที่มีอาการดื้อยา CDK4/6i ประกอบกัน คาร์ริคยังตั้งใจที่จะประเมินซามูราซิคลิบสำหรับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก โดยที่ CDK7 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมการลอกรหัส วัฏจักรของเซลล์ และการส่งสัญญาณของตัวรับแอนโดรเจน
เกี่ยวกับคาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์
คาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์ (Carrick Therapeutics) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นด้านวิทยามะเร็ง โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญเชิงลึกของบริษัทในการระบุและพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่ที่มีความแตกต่างสูง ซึ่งตอบสนองความต้องการสำคัญที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากซามูราซิคลิบ (samuraciclib) แล้ว คาร์ริคยังพัฒนาตัวยับยั้ง CDK12/13 ใหม่ / การย่อยสลายพันธะระหว่างโมเลกุลโปรตีน Cyclin-K ซึ่งได้พัฒนาไปสู่ IND ซึ่งช่วยให้สามารถศึกษาพิษวิทยาได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์ริค เทอร์ราพิวติกส์ ได้ที่www.carricktherapeutics.com
โลโก้-https://mma.prnewswire.com/media/1958938/MENARINI_GROUP_Logo.jpg