รายได้รวมเกิน272 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก
ศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ (Dubai International Financial Center-DIFC)ซึ่งเป็นศูนย์การเงินชั้นนำระดับโลกในภูมิภาคตะวันออกกลาง, แอฟริกา และเอเชียใต้ ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ในปี 2565
จำนวนบริษัทที่จดทะเบียนทั้งหมดกับDIFCเพิ่มขึ้นแตะระดับ4,377แห่งในปี2565เพิ่มขึ้น20%จากปี2564ที่ระดับ3,644แห่ง และในปี2565นั้น ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีบริษัทใหม่เกิน1,000แห่งมาจดทะเบียนกับ DIFCโดยอยู่ที่1,084แห่ง
DIFC รายงานผลการดำเนินงานทางการเงินที่โดดเด่น โดยในปี 2565 DIFCมีรายได้รวมเกิน 272 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้ง แตะระดับ 288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% จากปี 2564 ที่ระดับ 244 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้ที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับประสิทธิภาพการดำเนินงานส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 184 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2564 ที่ระดับ 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 4.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของDIFC
สินทรัพย์ธนาคารทั้งหมดที่DIFCคงระดับที่1.99 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และในฐานะศูนย์กลางการบริหารความมั่งคั่งและสินทรัพย์ของตลาดเกิดใหม่ระดับโลกแล้ว เหล่าผู้บริหารพอร์ตลงทุนของDIFCได้ลงทุนไป1.64แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2565เพิ่มขึ้นจากปี2564ที่1.51แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) เพิ่มขึ้น 78% แตะระดับ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในบรรดาหน่วยงานทั้งหมด 4,377 แห่งDIFCเป็นที่ตั้งของธนาคาร 17 แห่งจาก 20 อันดับแรกของโลก, ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบระดับโลก 25 แห่งจาก 30 อันดับแรกของโลก,บริษัทประกันภัย 5 แห่งจาก 10 อันดับแรก,บริษัทจัดการสินทรัพย์ 5 แห่งจาก 10 อันดับแรก และยังมีสำนักงานกฎหมายและการให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลกอีกหลายแห่งด้วย
ภาคฟินเทคและนวัตกรรมได้กลายเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของDIFCโดยมีลูกค้าใหม่ 291 ราย ปัจจุบัน บริษัทด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม 686 แห่ง ตั้งแต่บริษัทสตาร์ตอัปไปจนถึงบริษัทยูนิคอร์นระดับโลกต่างก็ประจำอยู่ในDIFC
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินและนวัตกรรมทั้งหมด 1,369 แห่งดำเนินงานภายในDIFCเพิ่มขึ้น 22% ในปี 2565 โดยมีบริษัทฟินเทคและบริษัทนวัตกรรมแห่งใหม่ 291 แห่งเข้าร่วมในปี 2565 เพิ่มขึ้น 36% รวมเป็น 686 แห่ง
ฯพณฯ เอสซา คาซิม (Essa Kazim) ผู้ว่าการ DIFCแสดงความคิดเห็นว่า "เศรษฐกิจของดูไบเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ DIFC ภูมิใจที่ได้เป็นผู้สนับสนุนต่อ GDP ของดูไบและเป็นผู้สร้างการจ้างงานรายสำคัญ โดยเป้าหมายของเราในปี 2566 คือการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตโดยต่อยอดจากสถานะของเราที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในฐานะช่องทางสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายและเติบโตภายในตลาดตะวันออกกลาง,แอฟริกา,เอเชียใต้ (MEASA) ที่มีขนาดใหญ่ และดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมในภาคการเงินที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)"
รูปภาพ:https://mma.prnewswire.com/media/2006078/DIFC.jpg
โลโก้:https://mma.prnewswire.com/media/1874040/DIFC_Logo.jpg